ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Featured post

รีวิวเกม Mafia The Old Country – ตำนานมาเฟียสู่โลกเกมที่ห้ามพลาด

Rise of The Ronin เกมรีวิว




ถ้าพูดถึงเกมที่พาผู้เล่นย้อนกลับไปสู่บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ หลายคนอาจจะนึกถึง Ghost of Tsushima หรือ Sekiro แต่สำหรับ Rise of the Ronin นี่คือการเปิดม่านใหม่จากทีมพัฒนา Team Ninja ที่เลือกหยิบช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่นในยุคบาคุมัตสึ มาถ่ายทอดในรูปแบบแอ็กชัน RPG ที่เน้นทั้งการต่อสู้ การตัดสินใจ และการเลือกเส้นทางชีวิตของ “โรนิน” ผู้ไร้นาย
สิ่งแรกที่เกมวางน้ำหนักเอาไว้อย่างชัดเจนคือ “เสรีภาพ” ในการเล่น ผู้เล่นจะไม่ได้ถูกจำกัดให้เดินตามเส้นเรื่องแบบเส้นตรง แต่สามารถกำหนดชะตากรรมของตัวละครผ่านการเลือกฝักฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นซามูไรฝ่ายโชกุนที่ยังยึดมั่นกับระเบียบเดิม กลุ่มนักปฏิรูปที่ต้องการเปิดประเทศสู่โลกตะวันตก หรือแม้แต่เลือกใช้ชีวิตในฐานะโรนินผู้โดดเดี่ยวที่ไม่ขึ้นตรงต่อใคร การตัดสินใจแต่ละครั้งไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดในบทสนทนา แต่ยังสะท้อนกลับมาที่เส้นทางการเล่น การเมือง และแม้กระทั่งความสัมพันธ์กับตัวละครสำคัญ

บรรยากาศของ Rise of the Ronin ถูกสร้างขึ้นอย่างละเอียดราวกับบทบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต เมืองเอโดะที่พลุกพล่าน หมู่บ้านชนบทที่ยังคงกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ ๆ ไปจนถึงสนามรบที่เต็มไปด้วยดินปืนและดาบซามูไร ทุกองค์ประกอบทำให้ผู้เล่นสัมผัสได้ถึงความสับสนวุ่นวายของประเทศที่ยืนอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างอดีตกับอนาคต โลกตะวันตกที่เริ่มแผ่ขยายเข้ามา และเกียรติยศแบบบูชิโดที่กำลังถูกทดสอบ
ในฐานะผู้เล่น คุณจะไม่ได้เป็นเพียงนักรบที่ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังต้องรับบทเป็นผู้ชี้ชะตาประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ ทุกการฟาดดาบและทุกการตัดสินใจ ล้วนสะสมกลายเป็นเรื่องราวที่ “คุณ” เป็นคนกำหนดเอง Rise of the Ronin จึงไม่ได้เป็นเพียงเกมซามูไรธรรมดา แต่เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สัมผัส “เสรีภาพแห่งโรนิน” อย่างแท้จริง

Rise of The Ronin เกมรีวิว
เรื่องราวของ Rise of the Ronin พาผู้เล่นดำดิ่งสู่ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ — ยุคบาคุมัตสึ ปลายสมัยเอโดะที่โลกตะวันตกเริ่มบุกเข้ามาด้วยปืนไฟและเรือเหล็ก ในขณะที่วิถีแห่งซามูไรและโชกุนที่ยึดถือกันมาหลายศตวรรษกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก เกมเล่าเรื่องผ่านสายตาของ “โรนิน” ผู้ไร้นาย ที่ต้องเผชิญทั้งศึกภายนอกจากการเมือง และศึกภายในจากการตัดสินใจที่ไม่เคยมีคำตอบที่ถูกต้องเพียงด้านเดียว
จุดเด่นของโครงเรื่องอยู่ที่การเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเป็นคนเลือกว่าจะเดินไปในเส้นทางใด ฝักฝ่ายโชกุนผู้ปกป้องเกียรติยศเก่าแก่ กลุ่มปฏิรูปที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันสมัย หรือเลือกเป็นนักรบพเนจรที่ไม่สวามิภักดิ์ต่อใคร ทุกเส้นทางล้วนมีผลต่อทั้งบทสนทนา เหตุการณ์สำคัญ และความสัมพันธ์กับตัวละครรอบข้าง ซึ่งบางครั้งความผูกพันอันลึกซึ้งอาจต้องแลกมาด้วยการตัดสินใจที่เจ็บปวด
เนื้อเรื่องของ Rise of the Ronin ไม่ได้เล่าเพียงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างดาบกับปืน แต่ยังสอดแทรกประเด็นที่สะท้อนถึงความขัดแย้งของมนุษย์ในยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน ระหว่างเกียรติยศกับความอยู่รอด ระหว่างการยึดมั่นกับการปรับตัว โลกของเกมเต็มไปด้วยตัวละครที่มีแรงจูงใจซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นซามูไรผู้ยึดมั่นในหน้าที่ นักปฏิวัติที่เชื่อมั่นในอนาคต หรือชนชั้นปกครองที่หวาดกลัวการสูญเสียอำนาจ ผู้เล่นจึงไม่ได้เพียงเผชิญหน้ากับศัตรูในสนามรบ แต่ยังต้องรับมือกับความจริงที่ว่า “ทุกการเลือกมีราคา”
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวมีพลังยิ่งขึ้นคือการที่ Team Ninja ใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบหลายเส้นทาง (branching narrative) ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นซ้ำเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนจบที่สะท้อนความรุ่งเรืองหรือล่มสลายของบ้านเมือง ไปจนถึงชะตากรรมของเพื่อนพ้องที่เราเลือกช่วยหรือทอดทิ้ง เรื่องราวใน Rise of the Ronin จึงไม่ใช่เพียง “การอ่านบทประวัติศาสตร์” แต่เป็น “การเขียนประวัติศาสตร์ด้วยมือตัวเอง” ในโลกที่เต็มไปด้วยดาบ เลือด และความหมายของเสรีภาพ

Rise of The Ronin เกมรีวิว
สิ่งแรกที่ Rise of the Ronin ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลังคือบรรยากาศอันเข้มข้นของญี่ปุ่นปลายยุคเอโดะ เมืองเอโดะที่คึกคักด้วยแสงไฟและตลาดผู้คน รายละเอียดเล็กน้อยอย่างป้ายไม้ ร้านน้ำชา ไปจนถึงบ้านเรือนที่แทรกตัวอยู่ริมคลองล้วนถ่ายทอดกลิ่นอายประวัติศาสตร์ออกมาอย่างสมจริง ขณะที่ภูมิประเทศชนบทและทิวเขาก็เต็มไปด้วยความเงียบสงบที่ชวนให้ผู้เล่นหยุดมองชั่วครู่ราวกับกำลังเดินอยู่ในภาพวาดหมึกญี่ปุ่น
งานออกแบบศิลป์ของ Team Ninja เลือกใช้โทนสีที่ผสมผสานระหว่างความดิบและความละเมียด ด้านหนึ่งเราเห็นฝุ่นควันและร่องรอยความปั่นป่วนของสงคราม แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีความงามของดอกซากุระที่โปรยปราย หรือพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าเหนือทะเล เกมจึงไม่ได้เพียงบอกเล่าความขัดแย้งระหว่างอดีตกับอนาคตผ่านเนื้อเรื่องเท่านั้น แต่ยังซ่อนอยู่ในรายละเอียดทางสายตาเกือบทุกมุม
โมเดลตัวละครก็ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทั้งเครื่องแต่งกายซามูไรที่หนักแน่น เกราะเหล็กที่สะท้อนแสงไฟ หรือชุดตะวันตกที่บ่งบอกการเข้ามาของอารยธรรมใหม่ แววตาและท่าทางของตัวละครหลักหลายคนยังแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน แม้ไม่ต้องพึ่งคำพูดมากนัก ก็ทำให้ผู้เล่นสัมผัสได้ถึงแรงกดดันและความลังเลในใจของพวกเขา
ในแง่ของเสียง Rise of the Ronin ใช้ดนตรีที่ผสมผสานทั้งเครื่องดนตรีญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างชามิเซ็นและโคโตะ เข้ากับท่วงทำนองแบบออเคสตราที่หนักแน่น ทำให้ฉากต่อสู้ฟังดูดุดัน ในขณะที่ช่วงการเดินทางกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเศร้าสร้อย เสียงเอฟเฟกต์ของดาบที่ปะทะกัน เสียงปืนไฟ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เดินบนสะพานไม้ก็ถูกเก็บรายละเอียดไว้อย่างครบถ้วน สร้างความสมจริงที่ช่วยเสริมบรรยากาศได้อย่างดี
การนำเสนอโดยรวมของเกมยังสะท้อนแนวทางแบบ cinematic ที่ไม่เร่งรีบเกินไป ฉากตัดสลับระหว่างการสนทนา การเดินทาง และการต่อสู้ล้วนถูกวางจังหวะอย่างมีศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการซูมกล้องช้า ๆ เข้าหาใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล หรือการแพนออกกว้างเพื่อเผยทิวทัศน์ของเมืองที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสมัยใหม่ ทุกอย่างทำให้ Rise of the Ronin ไม่ได้เป็นเพียงเกม แต่เป็นประสบการณ์ด้านภาพและเสียงที่ดึงผู้เล่นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอย่างแท้จริง

 Rise of The Ronin เกมรีวิว



เมื่อพูดถึงชื่อ Team Ninja สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือการต่อสู้ที่ดุดันและเข้มข้น ซึ่ง Rise of the Ronin ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แกนหลักของเกมคือระบบแอ็กชันที่ผสมผสานทั้งความรวดเร็วแบบ Nioh กับความแม่นยำที่ต้องอาศัยการอ่านจังหวะคล้าย Sekiro ผู้เล่นต้องเรียนรู้การฟัน ปัดป้อง และสวนกลับในเวลาเสี้ยววินาที ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีน้ำหนักและผลลัพธ์ หากพลาดแม้แต่น้อยก็มักถูกลงโทษด้วยการเสียเปรียบทันที
ความพิเศษของ Rise of the Ronin คือการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกสไตล์การต่อสู้ที่เข้ากับตัวเองได้อย่างอิสระ อาวุธหลักไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดาบคาตานะ แต่ยังมีปืนไฟ หอก รวมถึงอาวุธตะวันตกที่สะท้อนยุคสมัยใหม่เข้ามา ผู้เล่นสามารถสลับอาวุธระหว่างการต่อสู้เพื่อสร้างคอมโบหรือปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับศัตรูที่เจอ ไม่ว่าจะเป็นซามูไรเกราะหนักที่ต้องการจังหวะสวนกลับอย่างแม่นยำ หรือทหารปืนที่ต้องเข้าประชิดตัวเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกจากการต่อสู้ระยะประชิด เกมยังให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวในฉากแบบเปิดกว้าง ผู้เล่นสามารถปีนหลังคา โหนเชือก หรือใช้ปีกกลไกโฉบลงมาเล่นงานศัตรูจากมุมสูง เสรีภาพในการสำรวจเชื่อมโยงเข้ากับระบบลอบสังหาร (stealth) ที่เปิดโอกาสให้เลือกว่าจะบุกตะลุยเต็มกำลังหรือใช้วิธีเงียบเชียบกำจัดศัตรูทีละคน
สิ่งที่ทำให้ Rise of the Ronin แตกต่างจากเกมซามูไรอื่น ๆ คือระบบ “การเลือกเส้นทาง” ที่ไม่ใช่เพียงการเล่าเรื่อง แต่ยังส่งผลต่อ Gameplay โดยตรง ตัวละครที่ผู้เล่นเข้าข้างจะมอบภารกิจ อาวุธ หรือทักษะเฉพาะที่แตกต่างกัน บางครั้งการตัดสินใจอาจทำให้เราได้พรรคพวกใหม่ในสนามรบ หรือในทางกลับกันก็อาจต้องต่อสู้กับคนที่เคยร่วมเดินทางด้วย
องค์ประกอบ RPG ยังถูกออกแบบมาให้ลุ่มลึกพอสมควร ผู้เล่นสามารถอัปเกรดค่าสเตตัส เลือกสกิลตามสายการต่อสู้ และปรับแต่งอาวุธเกราะเพื่อเน้นพลังโจมตี ความเร็ว หรือการป้องกัน ระบบนี้ช่วยให้การเล่นแต่ละครั้งมีเอกลักษณ์และสไตล์ไม่เหมือนกัน แม้จะผ่านเหตุการณ์เดียวกันแต่แนวทางที่เลือกย่อมต่างออกไป
Rise of the Ronin จึงไม่ใช่แค่เกมที่ให้เราฟันศัตรูด้วยดาบเท่านั้น แต่ยังเป็นสนามฝึกฝนฝีมือ ความคิด และการตัดสินใจ ทุกการโจมตีที่เฉือนอากาศ ทุกการเลือกที่เปลี่ยนเส้นทาง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ Gameplay ที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Rise of The Ronin เกมรีวิว
ในแง่ของประสิทธิภาพการรัน Rise of the Ronin ถือว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ท้าทายทีม Team Ninja อย่างชัดเจน เพราะนี่ไม่ใช่เกมแอ็กชันเชิงเส้นเหมือน Nioh แต่เป็นโลกกว้างแบบ Open World ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งเมืองเอโดะที่เต็มไปด้วยผู้คน การแสดงผลแสงเงาในชนบทที่สวยงาม ไปจนถึงเอฟเฟกต์การต่อสู้ที่ดุดันและซับซ้อน การรักษาสมดุลระหว่างความสวยงามและเฟรมเรตจึงกลายเป็นหัวใจหลักของ Performance ที่เกมนี้ต้องรับมือ
บนเครื่อง PlayStation 5 เกมมีให้เลือกโหมด Performance และโหมด Resolution ตามมาตรฐาน เฟรมเรตในโหมด Performance จะอยู่ที่ 60FPS ที่ค่อนข้างเสถียร แม้บางจังหวะในเมืองใหญ่หรือฉากต่อสู้ที่มีเอฟเฟกต์หนาแน่นอาจเห็นการตกเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงลื่นไหลพอสำหรับเกมที่ต้องการการกดจังหวะต่อสู้แบบแม่นยำ ในทางกลับกันโหมด Resolution จะมอบรายละเอียดภาพที่คมชัดขึ้น การเรนเดอร์แสงเงาและระยะการมองเห็นถูกขยายเต็มที่ แต่เฟรมเรตอาจลดลงเหลือราว 30FPS ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนที่จริงจังกับระบบคอมแบตเท่าไรนัก
สิ่งที่น่าชื่นชมคือเวลาโหลดฉากที่รวดเร็วมาก แทบจะไม่เกินไม่กี่วินาทีหลังจากกดเริ่มหรือเปลี่ยนพื้นที่ ระบบ SSD ของ PS5 ถูกใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทำให้การเดินทางในโลก Open World ไม่ถูกสะดุด อีกทั้งยังมีการจัดการ Texture Streaming ที่ค่อนข้างดี ไม่เจอปัญหาวัตถุโหลดช้าให้เสียบรรยากาศมากนัก
ด้านเสียง เกมใช้ระบบเสียง 3D Audio ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูบนหลังคา หรือเสียงลมพัดผ่านปีกกลไกเมื่อโฉบลงมาจากด้านบน ล้วนเพิ่มความดื่มด่ำให้กับการเล่นในระดับที่จับต้องได้จริง
อย่างไรก็ตาม Performance ของ Rise of the Ronin ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัญหากราฟิกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการชนกันของโมเดล (clipping) หรือการเรนเดอร์เงาที่กระตุกบ้างยังมีให้เห็น และในบางเควสต์ใหญ่ที่มีตัวละครเยอะ ๆ เฟรมเรตจะร่วงจนรู้สึกได้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นทำลายประสบการณ์โดยรวม
โดยสรุปในเชิง Performance เกมนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ “มั่นคงพอใช้” สำหรับงาน Open World ที่มีความทะเยอทะยาน แม้ยังมีร่องรอยความไม่สมบูรณ์บ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความอลังการของโลกและรายละเอียดที่อัดแน่นสมกับความตั้งใจของทีมพัฒนา

คะแนนรีวิว
Story 9
Presentation 8.5
Gameplay 9
Performance 8
Total Score 8.6/10

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

TEKKEN 8 เกมรีวิว

   ในโลกของเกมไฟท์ติ้ง “Tekken” ถือเป็นซีรีส์ที่อยู่คู่กับวงการมาตลอดกว่า 3 ทศวรรษ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในยุคอาร์เคด จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเครื่อง PlayStation และเติบโตมาพร้อมกับผู้เล่นหลายเจเนอเรชัน ความโดดเด่นของ Tekken อยู่ที่การต่อสู้แบบ 3D ที่ให้ผู้เล่นได้ขยับเข้า–ออกด้านข้าง ใช้การเคลื่อนไหวอ่านเชิงคู่ต่อสู้ และระบบ “คอมโบ” ที่หนักหน่วงสะใจไม่เหมือนใคร ทุกครั้งที่มีภาคใหม่ออกมา มันไม่ใช่แค่การสานต่อชื่อเสียง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าซีรีส์นี้ยังคงมีที่ยืนในเวทีโลกของเกมไฟท์ติ้งที่แข่งขันกันดุเดือด เมื่อ Tekken 7 วางจำหน่ายในปี 2015 เกมก็ได้รับเสียงตอบรับมหาศาล ทั้งจากผู้เล่นทั่วไปและสายแข่งขันระดับ eSports กลายเป็นเวทีสำคัญของการแข่งขันอย่าง EVO และเป็นตัวแทนของการกลับมาของ Tekken อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้น แฟน ๆ ต่างก็ตั้งคำถามว่า Bandai Namco จะพาแฟรนไชส์นี้ไปทางไหนต่อ และสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง—Tekken 8 ภาคล่าสุดนี้มาพร้อมกับการใช้พลังของ Unreal Engine 5 แบบเต็มรูปแบบ ทำให้กราฟิก การออกแบบตัวละคร และเอฟเฟกต์ต่อสู้ดูสมจริงและทรงพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ Ban...

God of War Ragnarok เกมรีวิว

    สิ้นสุดการรอคอยการรอคอยกับภาคต่อเกมที่สุดยอด มาดูกันว่าจะดีขนาดไหน ฤดูหนาวที่ยาวนานกว่า 3 ปีแรกของ ragnarok สงครามเทพเจ้าและการล่มสลายของทุกสรรพสิ่งที่รู้ตัวนะว่า เขาคือโลกีย์แล้วนะเจ้าไหนคำทำนายจะมีบทบาทสำคัญในป่าแล้วพากันออกไปผจญภัยเพื่อหาทางยึด ragnarok M มีอย่างเดียวก็คือความปลอดภัยของลูกชายเกิดเหตุการณ์ บางอย่างทำให้ทุกคนได้เห็นว่าบ้านเขาไม่ปลอดภัยอีกแล้วไม่มีทางเลือกต้องออกจากภัยครั้งก่อนที่รักๆ จะมาถึงจากความรู้สึกผิดพลาดนี้อย่างแรกรู้สึกเลยก็คือยาวมากและความผิดพลาด เป็นเรื่องราวที่ปิดฉันทุกอย่างมีแต่เทพน้อยให้มันเต็มเรื่องเต็มเรื่องเต็มเรื่องรายละเอียดที่ต้องเหล้าเยอะมากยังดีที่ว่าเกมนี้ไปเล่าเรื่องผ่านสายข้อมูลผ่านการหน้าต่างแบบนั้นทุกอย่างจะถูกแสดง ให้เห็นแบบตัวเป็นๆด้วยความที่เราไม่สามารถทดแทนได้เยอะผมบอกด้วยละกันว่าสิ่งที่คุณจะได้เห็นจากเนื้อหานี้จะเป็นเนื้อเรื่องน้อยกว่า 10% ของทั้งเกมหลัง 10% เราก็มาช่วยไม่ได้จริงๆขอให้ มีโชคไม่งั้นสบายดีและมีความผิดทั้งยาวทั้งลึกทั้งหลายนั่นแหละให้มันเป็นการเดินทางที่แต่งเรื่องรสชาติเขียนบทสรุปของผมเรื่องที่ยังค้างคาจาก...