ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Featured post

รีวิวเกม Mafia The Old Country – ตำนานมาเฟียสู่โลกเกมที่ห้ามพลาด

TEKKEN 8 เกมรีวิว

  


ในโลกของเกมไฟท์ติ้ง “Tekken” ถือเป็นซีรีส์ที่อยู่คู่กับวงการมาตลอดกว่า 3 ทศวรรษ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในยุคอาร์เคด จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเครื่อง PlayStation และเติบโตมาพร้อมกับผู้เล่นหลายเจเนอเรชัน ความโดดเด่นของ Tekken อยู่ที่การต่อสู้แบบ 3D ที่ให้ผู้เล่นได้ขยับเข้า–ออกด้านข้าง ใช้การเคลื่อนไหวอ่านเชิงคู่ต่อสู้ และระบบ “คอมโบ” ที่หนักหน่วงสะใจไม่เหมือนใคร ทุกครั้งที่มีภาคใหม่ออกมา มันไม่ใช่แค่การสานต่อชื่อเสียง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าซีรีส์นี้ยังคงมีที่ยืนในเวทีโลกของเกมไฟท์ติ้งที่แข่งขันกันดุเดือด
เมื่อ Tekken 7 วางจำหน่ายในปี 2015 เกมก็ได้รับเสียงตอบรับมหาศาล ทั้งจากผู้เล่นทั่วไปและสายแข่งขันระดับ eSports กลายเป็นเวทีสำคัญของการแข่งขันอย่าง EVO และเป็นตัวแทนของการกลับมาของ Tekken อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้น แฟน ๆ ต่างก็ตั้งคำถามว่า Bandai Namco จะพาแฟรนไชส์นี้ไปทางไหนต่อ และสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง—Tekken 8
ภาคล่าสุดนี้มาพร้อมกับการใช้พลังของ Unreal Engine 5 แบบเต็มรูปแบบ ทำให้กราฟิก การออกแบบตัวละคร และเอฟเฟกต์ต่อสู้ดูสมจริงและทรงพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ Bandai Namco ยังย้ำชัดว่าต้องการยกระดับประสบการณ์การเล่น ไม่เพียงแค่ “การต่อสู้” แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศของเวที การเล่าเรื่องของตระกูล Mishima–Kazama ที่ยืดเยื้อมานานหลายภาค และการทำให้ Tekken กลายเป็นเกมไฟท์ติ้งที่เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ โดยไม่ลดทอนความลึกเชิงกลยุทธ์ที่แฟนเก่าคุ้นเคย
สิ่งที่น่าสนใจคือ Tekken 8 เลือกเปิดศักราชใหม่ด้วยคำขวัญ “Fist Meets Fate” หรือหมัดที่ปะทะกับโชคชะตา มันไม่ได้เป็นเพียงสโลแกนเท่ ๆ แต่สะท้อนถึงการเดินทางที่ใกล้ถึงบทสรุปของสงครามครอบครัว Mishima ที่ลากยาวมาหลายสิบปี และยังเป็นการตอกย้ำว่าเกมนี้ต้องการ “ก้าวไปข้างหน้า” ไม่ใช่แค่รีไซเคิลความสำเร็จเก่า ๆ แต่คือการพลิกโฉม Tekken ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่ ทั้งในเชิงการแข่งขัน eSports และการเล่นเพื่อความสนุกในบ้าน
สำหรับแฟนไฟท์ติ้ง นี่ไม่ใช่เพียงอีกหนึ่งเกมที่รอเล่น แต่เป็น “สนามประลองใหม่” ที่จะกำหนดมาตรฐานของวงการไปอีกหลายปี และสำหรับผู้ที่ไม่เคยสัมผัส Tekken มาก่อน Tekken 8 อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด

TEKKEN 8 เกมรีวิว



เรื่องราวของ Tekken 8 ยังคงเดินตามเส้นทางสายหลักที่แฟน ๆ คุ้นเคย นั่นคือสงครามภายในครอบครัว Mishima–Kazama ที่กินเวลามายาวนานหลายภาค จนกลายเป็นตำนานประจำซีรีส์ ในภาคนี้ Bandai Namco ตัดสินใจยกระดับการเล่าเรื่องให้มีความเป็น “ไคลแมกซ์” มากที่สุด โดยพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งระหว่าง Kazuya Mishima และลูกชาย Jin Kazama ที่ไม่เพียงแค่สู้กันด้วยกำปั้น แต่ยังเป็นการเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
Kazuya ยังคงสืบทอดพลังปีศาจ Devil Gene และใช้มันสร้างอำนาจขยายกองกำลังของตนไปทั่วโลก ทำให้เขาไม่ต่างจากเผด็จการที่พร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางทาง ขณะที่ Jin ผู้ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นความหวังของโลก กลับต้องต่อสู้กับปีศาจในใจตัวเองเช่นกัน การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “พ่อกับลูก” แต่เป็นสมรภูมิระหว่างพลังแห่งการทำลายล้างกับความพยายามจะควบคุมโชคชะตา
สิ่งที่น่าสนใจคือ Tekken 8 เลือกเล่าเรื่องผ่านสไตล์ “ละครดราม่าแอ็กชัน” ที่เข้มข้นกว่าเดิม แต่ยังคงมีเสน่ห์แบบซีรีส์ Tekken อยู่ครบ ทั้งฉากตัดสลับระหว่างการต่อสู้และการเล่าเรื่อง รวมถึงบทสนทนาที่สะท้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนของแต่ละตัวละคร ตัวละครหลักอย่าง Heihachi อาจไม่ได้อยู่ในเวทีครั้งนี้แล้ว แต่เงาของเขายังคงปกคลุมอยู่ทุกมุม เพราะความบาดหมางระหว่างรุ่นพ่อ–ลูก–หลานยังคงเป็นรากเหง้าที่ผลักดันให้เรื่องราวดำเนินต่อไป
นอกจากเส้นเรื่องหลักของ Jin กับ Kazuya แล้ว Tekken 8 ยังให้ความสำคัญกับการเล่า “Side Story” ของเหล่านักสู้ที่หลากหลายทั่วโลก ตั้งแต่นักมวยปล้ำอย่าง King ไปจนถึงนักรบหญิงอย่าง Nina หรือแม้กระทั่งตัวละครใหม่ที่เข้ามาเสริมสีสัน ทุกคนล้วนมีเหตุผลและแรงผลักดันในการขึ้นสังเวียน ทำให้โครงเรื่องโดยรวมไม่ได้เป็นเพียงมหากาพย์ของครอบครัว Mishima เท่านั้น แต่ยังเป็นการรวมเสียงและโชคชะตาของนักสู้หลายชาติหลายภาษา ที่ล้วนต้องเผชิญกับเส้นทางของตนเอง
Bandai Namco ยังเลือกนำเสนอเรื่องราวผ่านคัตซีนที่สร้างด้วย Unreal Engine 5 จนแทบจะกลายเป็นงานภาพยนตร์แอ็กชันสเกลใหญ่ เอฟเฟกต์การต่อสู้และบรรยากาศฉากหลังช่วยขับเน้นความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ทำให้การเล่าเรื่องใน Tekken 8 ไม่ได้เป็นเพียง “ข้ออ้างให้ต่อสู้” เหมือนเกมไฟท์ติ้งหลายเกมในอดีต แต่กลายเป็นแกนหลักที่ผู้เล่นรู้สึกอยากติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

TEKKEN 8 เกมรีวิว





Tekken 8 ต้องบอกว่านี่คือการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของซีรีส์ ด้วยการใช้ Unreal Engine 5 ที่ผลักดันคุณภาพงานภาพไปสู่ระดับที่เทียบได้กับเกม Next-Gen แท้จริง รายละเอียดของตัวละครตั้งแต่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ไปจนถึงแววตาที่สะท้อนอารมณ์ ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีชีวิตชีวา ไม่เพียงแต่ทำให้การต่อสู้ดุดันสมจริง แต่ยังขับให้แต่ละคาแรกเตอร์มี “คาแรกเตอร์เฉพาะตัว” ที่เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ Tekken 8 ทำได้ยอดเยี่ยมคือการสร้างเวทีการต่อสู้ (Stage) ที่เต็มไปด้วยพลังและบรรยากาศแบบ Cinematic แต่ละฉากไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สี่เหลี่ยมสำหรับการประลอง แต่กลับกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟที่สาดส่องบนสังเวียนคอนเสิร์ต เมืองที่ระเบิดกลางสงคราม หรือฉากหิมะที่สะท้อนประกายไฟจากการปะทะของหมัด ทุกองค์ประกอบล้วนถูกออกแบบมาเพื่อสร้าง “ความรู้สึก” ให้ผู้เล่นอินไปกับบรรยากาศการต่อสู้มากขึ้น
เอฟเฟกต์การโจมตีและการปะทะถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ Tekken 8 ใช้สีสันจัดจ้านและเอฟเฟกต์พิเศษที่ช่วยเน้นย้ำ Impact ของแต่ละหมัดและคอมโบ โดยเฉพาะระบบ Heat ใหม่ที่มาพร้อมกับเอฟเฟกต์เปลวไฟและแสงระเบิด สร้างความรู้สึกถึงพลังและความรุนแรงได้อย่างดี มันไม่ใช่แค่ “แสงสี” ที่ใส่เข้ามาเพื่อความ派เท่ห์ แต่ยังเป็นภาษาภาพที่ช่วยให้ผู้เล่นอ่านสถานการณ์และจังหวะการต่อสู้ได้ชัดเจนขึ้นด้วย
ในด้านการออกแบบตัวละคร ทีมพัฒนาตั้งใจผสมผสานความคุ้นเคยของแฟนเดิมเข้ากับความสดใหม่ของยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายใหม่ที่สะท้อนบุคลิกหรือภูมิหลังของแต่ละคน ไปจนถึงแอนิเมชันที่ไหลลื่นและทรงพลัง ทุกการเคลื่อนไหวตั้งแต่ท่าทางยืนยันจนถึงการปล่อยหมัดหนัก ถูกถ่ายทอดออกมาให้รู้สึกถึง “ตัวตน” ของนักสู้คนนั้นจริง ๆ
ส่วนด้านเสียง Tekken 8 ยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ไว้อย่างครบถ้วน เพลงประกอบเวทีถูกออกแบบให้เข้ากับโทนการต่อสู้ ทั้งแนวอิเล็กทรอนิกส์ที่เร้าใจ ร็อกที่กระแทกอารมณ์ หรือซาวด์บรรเลงที่เสริมความดราม่าในฉากเล่าเรื่อง เสียงเอฟเฟกต์ของหมัด เตะ และการปะทะก็ถูกปรับให้หนักแน่นยิ่งขึ้นจนผู้เล่นรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือน ขณะที่เสียงพากย์ของตัวละครยังคงใช้ภาษาต้นฉบับของแต่ละตัว เพิ่มความสมจริงและเอกลักษณ์เฉพาะที่แฟน ๆ ชื่นชอบ
ด้วยการผสมผสานของงานภาพระดับ Next-Gen เอฟเฟกต์ที่ทรงพลัง และซาวด์ดีไซน์ที่ดุดัน ทำให้ Presentation ของ Tekken 8 ไม่ได้เป็นเพียง “ฉากประกอบการต่อสู้” แต่คือหัวใจที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นให้กลายเป็นงานโชว์สุดอลังการ ที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมการแข่งขัน eSports ต่างสามารถอินไปพร้อมกันได้

TEKKEN 8 เกมรีวิว



หัวใจหลักของ Tekken 8 อยู่ที่ “การต่อสู้” ที่ทีมพัฒนาพยายามสร้างสมดุลระหว่างความเข้าถึงง่ายสำหรับผู้เล่นใหม่ และความลึกซึ้งเชิงกลยุทธ์สำหรับแฟนระดับฮาร์ดคอร์ ระบบต่อสู้ยังคงโครงสร้าง 3D Fighter แบบดั้งเดิมที่แฟน ๆ คุ้นเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการใส่จังหวะและความดุดันให้เข้มข้นขึ้น ผ่านระบบใหม่อย่าง Heat System ที่กลายเป็นจุดเด่นของภาคนี้
Heat System เปิดโอกาสให้ผู้เล่นกดดันคู่ต่อสู้ด้วยสกิลเสริมพลังในช่วงเวลาจำกัด เพิ่มดาเมจ คอมโบใหม่ และแม้กระทั่งการบังคับจังหวะเกมให้กลับมาคุมได้อีกครั้ง มันทำให้การต่อสู้ใน Tekken 8 ไม่ใช่แค่การหาจังหวะออกคอมโบ แต่ยังกลายเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ว่าควรใช้ Heat เพื่อปิดเกมหรือพลิกสถานการณ์ การเลือกใช้ Heat Drive หรือ Heat Smash ก็สร้างความแตกต่างชัดเจนระหว่างผู้เล่นที่ “บุกไม่หยุด” กับผู้เล่นที่รอจังหวะสวน
อีกสิ่งที่สะท้อนความตั้งใจของทีมพัฒนาคือ Aggressive Playstyle หรือการผลักดันให้ผู้เล่นเดินเกมเชิงรุกมากกว่าการถอยหนี ระบบใหม่ ๆ ทั้ง Heat System และการปรับปรุงการ Recover ของพลังชีวิตช่วยให้เกมมีความเร็วและเข้มข้นขึ้นกว่า Tekken 7 อย่างชัดเจน มันทำให้แต่ละแมตช์มีความตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบ และยังช่วยสร้างประสบการณ์การรับชมที่เร้าใจสำหรับผู้ดูการแข่งขัน eSports อีกด้วย
ในด้านการควบคุม Tekken 8 ใส่โหมด Special Style หรือปุ่มช่วยออกคอมโบ ที่ออกแบบมาเพื่อผู้เล่นมือใหม่ สามารถกดไม่กี่ปุ่มก็ทำท่าต่อเนื่องได้ทันที โดยไม่ต้องจำอินพุตที่ซับซ้อน ขณะเดียวกันผู้เล่นมืออาชีพยังคงได้เปรียบจากการใช้ระบบปกติที่ยืดหยุ่นและแม่นยำกว่า ทำให้ทั้งสองกลุ่มสามารถสนุกกับเกมเดียวกันได้โดยไม่ลดทอนความท้าทาย
ส่วนระบบ Rage ที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ Tekken 6 ก็ยังคงอยู่ โดยมีการปรับสมดุลให้เข้ากับ Heat System มากขึ้น Rage Art ยังคงเป็นท่าไม้ตายที่ช่วยปิดฉากการต่อสู้ได้อย่างสะใจ แต่คราวนี้ถูกออกแบบให้เป็น “เครื่องมือเชิงกลยุทธ์” มากกว่าการพึ่งพาโชคในช่วงท้ายเกม
นอกจากการต่อสู้ Tekken 8 ยังมีโหมดหลากหลายรองรับทั้งผู้เล่นสาย Single Player และ Multiplayer โหมดเนื้อเรื่องหลักยังคงเป็นเส้นทาง Cinematic ที่ให้เราเล่นสลับกับคัตซีนเหมือนดูแอนิเมชันคุณภาพสูง ขณะที่โหมด Arcade Quest เป็นพื้นที่ใหม่ให้ผู้เล่นได้ฝึกฝนทักษะ สะสมแต้ม และปรับแต่งอวตาร์ในบรรยากาศที่คล้ายเกมอาร์เคดยุคเก่า นอกจากนี้ยังมีระบบออนไลน์ที่ปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับการแข่งขันแบบเสถียร และการจัดอันดับที่ท้าทายผู้เล่นจากทั่วโลก
สิ่งที่ Tekken 8 ทำได้สำเร็จคือการ “รีเฟรช” ประสบการณ์การเล่นไฟท์ติ้ง โดยไม่ทิ้งรากฐานเดิมที่แฟน ๆ รัก ผลลัพธ์คือ Gameplay ที่ทั้งดุดัน เร้าใจ และพร้อมเปิดโอกาสให้ทั้งผู้เล่นหน้าใหม่และนักสู้มือโปรได้ปะทะกันอย่างเท่าเทียมในสังเวียนดิจิทัลแห่งนี้

TEKKEN 8 เกมรีวิว





ในแง่ประสิทธิภาพการทำงาน Tekken 8 แสดงให้เห็นถึงพลังของเกมไฟท์ติ้งที่ถูกสร้างมาเพื่อยุค Next-Gen อย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาโดยใช้ Unreal Engine 5 ทำให้เกมถูกออกแบบมาให้รันเฉพาะบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นจะได้สัมผัสกับงานภาพและการประมวลผลที่สดใหม่โดยไม่ต้องห่วงเรื่องข้อจำกัดของเครื่องรุ่นเก่า
บนคอนโซลอย่าง PS5 และ Xbox Series X เกมสามารถรักษาเฟรมเรตได้ที่ 60 FPS อย่างนิ่งสนิทตลอดทั้งการต่อสู้ ไม่ว่าจะอยู่ในฉากที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์ระเบิด แสงไฟ หรือ Heat Effect ที่ฉูดฉาด การเคลื่อนไหวของตัวละครยังคงลื่นไหลต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าสำคัญมากสำหรับเกมต่อสู้ที่ต้องการความแม่นยำในระดับเสี้ยววินาที
บนฝั่ง PC เกมถูกปรับแต่งมาดี รองรับการตั้งค่า กราฟิกระดับสูง และการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ สามารถดันเฟรมเรตได้เกิน 100 FPS สบาย ๆ โดยเฉพาะบนหน้าจอรีเฟรชเรตสูงที่ทำให้การตอบสนองไวเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม Tekken 8 ยังคงล็อก 60 FPS ในโหมดแข่งขันจริงเพื่อความยุติธรรม แต่การเล่นในโหมดฝึกซ้อมหรือเนื้อเรื่องที่ปล่อยเฟรมเรตสูงขึ้นนั้นก็ช่วยเพิ่มความลื่นไหลและความสวยงามได้อย่างมาก
ในด้านการโหลดฉาก Tekken 8 ทำได้เร็วทันใจตามมาตรฐานยุค SSD การเปลี่ยนฉากต่อสู้หรือเข้า–ออกโหมดต่าง ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาที ช่วยลดความรู้สึกสะดุดและทำให้ผู้เล่นสามารถโฟกัสกับเกมเพลย์ได้ต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อเทียบกับ Tekken 7 ที่เคยมีปัญหาโหลดค่อนข้างนาน นี่ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ชัดเจน
ส่วนระบบออนไลน์ถือเป็นหัวใจของ Performance เช่นกัน Tekken 8 ใช้ Rollback Netcode ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเกมไฟท์ติ้งในปัจจุบัน ทำให้การเล่นออนไลน์ระหว่างผู้เล่นจากต่างภูมิภาคมีความเสถียรมากขึ้น ลดอาการหน่วงและดีเลย์ลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับภาคก่อนที่หลายคนบ่นเรื่องการเชื่อมต่อ การต่อสู้ใน Tekken 8 จึงสามารถรักษาจังหวะการกดปุ่มและคอมโบได้ใกล้เคียงกับการเล่นออฟไลน์มากที่สุด
ทั้งหมดนี้ทำให้ Performance ของ Tekken 8 ไม่ได้เป็นเพียง “รองรับ Next-Gen” แต่คือการยืนยันว่าเกมไฟท์ติ้งระดับโลกในปี 2024 ต้องมอบทั้งความสวยงาม ความเสถียร และความรวดเร็วในการตอบสนองไปพร้อมกัน

คะแนนรีวิว TEKKEN 8
Story 8.5
Presentation 9
Gameplay 9.5
Performance 9
Total Score 9



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Rise of The Ronin เกมรีวิว

ถ้าพูดถึงเกมที่พาผู้เล่นย้อนกลับไปสู่บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ หลายคนอาจจะนึกถึง Ghost of Tsushima หรือ Sekiro แต่สำหรับ Rise of the Ronin นี่คือการเปิดม่านใหม่จากทีมพัฒนา Team Ninja ที่เลือกหยิบช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่นในยุคบาคุมัตสึ มาถ่ายทอดในรูปแบบแอ็กชัน RPG ที่เน้นทั้งการต่อสู้ การตัดสินใจ และการเลือกเส้นทางชีวิตของ “โรนิน” ผู้ไร้นาย สิ่งแรกที่เกมวางน้ำหนักเอาไว้อย่างชัดเจนคือ “เสรีภาพ” ในการเล่น ผู้เล่นจะไม่ได้ถูกจำกัดให้เดินตามเส้นเรื่องแบบเส้นตรง แต่สามารถกำหนดชะตากรรมของตัวละครผ่านการเลือกฝักฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นซามูไรฝ่ายโชกุนที่ยังยึดมั่นกับระเบียบเดิม กลุ่มนักปฏิรูปที่ต้องการเปิดประเทศสู่โลกตะวันตก หรือแม้แต่เลือกใช้ชีวิตในฐานะโรนินผู้โดดเดี่ยวที่ไม่ขึ้นตรงต่อใคร การตัดสินใจแต่ละครั้งไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดในบทสนทนา แต่ยังสะท้อนกลับมาที่เส้นทางการเล่น การเมือง และแม้กระทั่งความสัมพันธ์กับตัวละครสำคัญ บรรยากาศของ Rise of the Ronin ถูกสร้างขึ้นอย่างละเอียดราวกับบทบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต เมืองเอโดะที่พลุกพล่าน หมู่บ้านชนบทที่ยังคงกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ ๆ ไปจนถึงสนามรบที่เ...

God of War Ragnarok เกมรีวิว

    สิ้นสุดการรอคอยการรอคอยกับภาคต่อเกมที่สุดยอด มาดูกันว่าจะดีขนาดไหน ฤดูหนาวที่ยาวนานกว่า 3 ปีแรกของ ragnarok สงครามเทพเจ้าและการล่มสลายของทุกสรรพสิ่งที่รู้ตัวนะว่า เขาคือโลกีย์แล้วนะเจ้าไหนคำทำนายจะมีบทบาทสำคัญในป่าแล้วพากันออกไปผจญภัยเพื่อหาทางยึด ragnarok M มีอย่างเดียวก็คือความปลอดภัยของลูกชายเกิดเหตุการณ์ บางอย่างทำให้ทุกคนได้เห็นว่าบ้านเขาไม่ปลอดภัยอีกแล้วไม่มีทางเลือกต้องออกจากภัยครั้งก่อนที่รักๆ จะมาถึงจากความรู้สึกผิดพลาดนี้อย่างแรกรู้สึกเลยก็คือยาวมากและความผิดพลาด เป็นเรื่องราวที่ปิดฉันทุกอย่างมีแต่เทพน้อยให้มันเต็มเรื่องเต็มเรื่องเต็มเรื่องรายละเอียดที่ต้องเหล้าเยอะมากยังดีที่ว่าเกมนี้ไปเล่าเรื่องผ่านสายข้อมูลผ่านการหน้าต่างแบบนั้นทุกอย่างจะถูกแสดง ให้เห็นแบบตัวเป็นๆด้วยความที่เราไม่สามารถทดแทนได้เยอะผมบอกด้วยละกันว่าสิ่งที่คุณจะได้เห็นจากเนื้อหานี้จะเป็นเนื้อเรื่องน้อยกว่า 10% ของทั้งเกมหลัง 10% เราก็มาช่วยไม่ได้จริงๆขอให้ มีโชคไม่งั้นสบายดีและมีความผิดทั้งยาวทั้งลึกทั้งหลายนั่นแหละให้มันเป็นการเดินทางที่แต่งเรื่องรสชาติเขียนบทสรุปของผมเรื่องที่ยังค้างคาจาก...